ตลาดเวียดนาม
“ตลาด” แหล่งวัฒนธรรมสำคัญของชนชาติ มารู้จักตลาดของเวียดนามผ่านบทความของเวียดทอล์คกัน
ซินจ่าวเพื่อน ๆ ชาว Viettalk ทุกคน วันนี้เราก็ยังคงเดินเอื่อย ๆ ไปตามถนนในเมืองเก่าฮานอย ดูตึกรามบ้านช่อง ร้านรวงต่าง ๆ ที่ขายทั้งของกิน ของใช้ และของฝาก และที่ขาดไม่ได้ก็คือรถมอเตอร์ไซค์ที่สัญจรไม่ขาดสายเต็มพื้นที่ถนนเหมือนทุกครั้งที่มาฮานอย เอาล่ะ แม้เราจะยังคงเวียนวนอยู่ในกรุงฮานอยย่าน Old Quarter แต่ Viettalk จะพาทุกคนออกมาจากตรอกซอย แล้วมาเดินบนทางเท้าฮานอยกัน
ในสายตาของ Viettalk ฮานอยเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มาก เป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความเก่ากับความใหม่ได้อย่างลงตัว ทุกครั้งที่มาฮานอยจะยังคงรู้สึกถึงความ Lively ของบรรยากาศฮานอยเสมอ แม้โลกจะหมุนไปอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ เกิดขึ้น จนบางครั้งเราตามแทบไม่ทัน แต่ฮานอยก็ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะ “เก็บ” ความเป็นตัวตนของตัวเองไว้ผ่านวิธีคิดและการดำเนินชีวิตของผู้คน และนี่คงเป็นหนึ่งในอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ทุกครั้งที่มาฮานอย Viettalk ก็ยังเห็นว่า Hanoi is Hanoi. เสมอมา
ทางเท้า (Sidewalk) ในกรุงฮานอยเป็นที่ที่สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้กับ Viettalk มาหลายต่อหลายครั้ง วันนี้ขอหยิบยกเอาหนึ่งประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังสักหน่อย นั่นคือเรื่องของ “ร้านตัดผมชาย”
เมื่อการจัดแต่งทรงผมไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงอย่างเดียวอีกต่อไป ร้านตัดผมชายจึงถือกำเนิดขึ้นเช่นกัน ถ้าย้อนกลับไปในสมัยอดีต เมื่อพูดถึงร้านตัดผมยุคเก่าก็คงนึกถึงร้านตัดผมที่เป็นร้านมีพื้นที่ชัดเจน ภายในร้านมีกระจกติดไว้กับผนังร้าน มีเก้าอี้ตัดผมสีแดงที่มีที่พักเท้า หรือนึกถึงร้านตัดผมในเรื่องแฟนฉันก็ได้ นั่นเป็นภาพจำของร้านตัดผมในความทรงจำของ Viettalk แต่การเดินเล่นในฮานอยกลับทำให้ Viettalk เจอกับความมินิมอลของคนเวียดนาม ที่นั่งตัดผมกันอยู่ข้างทางแบบชิล ๆ
เสียงกรรไกรดัง “แก๊บ แก๊บ” เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่านี่คือร้านตัดผม…ใช่แหละ เรียกว่าร้านตัดผมก็คงจะได้ เพราะก็เห็นผู้คนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดเพื่อตัดแต่งทรงผมกัน ร้านนี้ไม่มีผนังกั้นร้านเพื่อติดกระจกอย่างร้านตัดผมในความทรงจำของ Viettalk แต่ร้านตัดผมนี้ง่ายกว่านั้น เพราะร้านนี้มีเพียงแค่กระจกบานเล็ก ๆ บานหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างกำแพง ข้างรั้ว หรือตามต้นไม้ใหญ่ กับเก้าอี้มีพนักพิง และกระเป๋าเครื่องมือใบย่อม ๆ ภายในกระเป๋ามีเฉพาะเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการจัดแต่งทรงผมชาย อย่างกรรไกร แบตตาเลี่ยน (Hair Clipper) ขวดสำหรับฉีด มีดโกน ผ้าคลุมตัดผม ทิชชู เจ้าของร้านตัดผมเริ่มต้นวันด้วยการจัดร้านเล็ก ๆ เพื่อรอรับลูกค้าและทำงานของตนเองจนแสงอาทิตย์เซย์ กู๊ดบายท้องฟ้ากว้าง เจ้าของร้านจึงเริ่มลงมือเก็บเครื่องมือทำกินใส่กระเป๋ากลับบ้าน
ครั้งแรกที่ Viettalk เดินทางไปฮานอยราว ๆ ปี 2014 ก็ว้าวกับร้านตัดผมริมทางนี้มาก อาจเพราะไม่เคยเห็นความวินเทจแบบนี้ที่ไหนมาก่อนในชีวิต (ไม่รู้ว่าเมืองไทยมีไหม แต่เอาเป็นว่า Viettalk เองไม่เคยเห็นมาก่อน) ถ้าร้านตัดผมแบบในเรื่องแฟนฉันคือร้านตัดผมวินเทจของคนไทย ร้านตัดผมริมทางแบบนี้ก็คงเรียกว่าความวินเทจฉบับเวียดนามได้เหมือนกัน จำได้ว่าตอนนั้นร้านตัดผมแนวนี้จะมีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง เดินไปทางไหนก็เจอ บางครั้งก็ตั้งเป็นร้านใกล้ ๆ กันก็มี แต่ดูเหมือนว่าการมาฮานอยครั้งนี้ ในปี 2023 จะเห็นร้านตัดผมริมทางนี้น้อยลง ก็น่าจะด้วยโลกที่หมุนเอาวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ ๆ เข้ามา ไม่เว้นแม้แต่ความนิยมเรื่องการตัดผม
มาว่าเรื่องความวินเทจกันสักหน่อย จริง ๆ แล้วร้านตัดผมริมทางไม่ได้โชว์ภาพความวินเทจเท่านั้น แต่ร้านตัดผมริมทางยังสะท้อนวัฒนธรรมเก่าแก่ที่มีคุณค่า ถ่ายทอดวิถีชีวิตและความขยันทำมาหากินของชาวเวียดนามด้วย การตัดผมเป็นอาชีพที่มีมาช้านาน เช่นเดียวกับร้านตัดผมริมทางนี้ที่มีมาอย่างยาวนานเช่นกัน ไม่แน่ใจนักว่าจุดเริ่มต้นของร้านตัดผมริมทางนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงว่าร้านตัดผมริมทางเป็นอาชีพที่คนเวียดนามยุคหลังสงคราม คนเวียดนามที่ปลดจากทหาร หรือคนเกษียณอายุนิยมมาทำกัน ต้องคิดภาพย้อนไปในวันที่เวียดนามเพิ่งผ่านพ้นสงครามมา ผู้คนยังเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบากหลังสงคราม เศรษฐกิจที่ดี การศึกษาที่ควรพัฒนาสลายหายไปพร้อมกับเปลวไฟแห่งสงคราม เมื่อความสงบกลับมาตั้งมั่นในเวียดนามอีกครั้ง ชาวเวียดนามจึงยังต้องอาศัยเวลาในการฟื้นฟูชีวิตและจิตใจ ทำให้อาชีพ “ตัดผมริมทาง” เป็นหนึ่งช่องทางของคนที่ทุนน้อยแต่อยากหารายได้ก็สามารถประกอบอาชีพนี้ได้ อีกทั้งค่าตัดผมที่ไม่แพง แต่มีคุณภาพทำให้ร้านตัดผมริมทางเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงวัยที่ตัดผมกับร้านดั้งเดิม ช่างเก่าแก่กันมาก็ยังคงเป็นลูกค้าประจำอยู่ หรือแม้แต่เด็กชายตัวเล็กที่มาตัดผมที่มาตัดผมกับคุณพ่อก็เป็นลูกค้าร้านตัดผมริมทางด้วยเหมือนกัน
เท่าที่ Viettalk เคยเห็นมา ร้านตัดผมริมทางมักจะมีช่างตัดผมเป็นผู้ชาย แต่พอค้นข้อมูลเพิ่มก็เจอภาพและบทความที่บอกว่ามีช่างตัดผมที่เป็นผู้หญิงด้วยเหมือนกัน แต่ลูกค้าดูเหมือนจะมีแต่ผู้ชายเท่านั้น อ่านเจอในบทความหลาย ๆ บทความของเวียดนามเขียนไว้ว่าช่างตัดผมประจำร้านตัดผมริมทางไม่ได้ตัดเพียงเพื่อให้ผมของลูกค้าสั้นลงเท่านั้น แต่ยังต้องมีภาพในหัวว่าจะต้องตัดทรงไหน ต้องรู้จักลักษณะของศีรษะลูกค้าเพื่อเฟ้นหาทรงผมที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าด้วย นอกจากการตัดผมแล้วช่างตัดผมยังดูแลโกนหนวดสำหรับลูกค้าด้วย เรียกว่าครบวงจรความงามของคุณสุภาพบุรุษ จะว่าไปช่างตัดผมก็เหมือน “ศิลปิน” สร้างสรรค์ศิลปะทรงผมและความงามอยู่เหมือนกัน
Viettalk เอาแต่เล่าถึงร้านตัดผมในกรุงฮานอย เดี๋ยวเพื่อน ๆ จะเข้าใจผิดเอาว่าร้านตัดผมริมทางมีแต่ที่ฮานอยเท่านั้น ความจริงแล้วร้านตัดผมแบบนี้มีอยู่หลายที่ในเวียดนาม เพียงแต่ฮานอยเป็นเมืองสุดรักของ Viettalk ที่ตั้งใจว่าจะไปทุกปี ก็เลยเห็นความเป็นไปของฮานอยมากกว่าเมืองอื่น ๆ จริง ๆ แล้วที่โฮจิมินห์ ญาจาง ก็มีร้านแบบนี้เหมือนกัน เรียกว่าเป็นอาชีพดั้งเดิมของเวียดนามจริง ๆ
ต้องยอมรับโดยดุษณีว่าโลกของเราหมุนเร็วเหลือเกินและการหมุนของโลกก็นำพาความเจริญ ความทันสมัยมาสู่ชีวิตเรา พร้อม ๆ กับลักพาวัฒนธรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตแบบเดิมไปจากเรา สร้างวิถีใหม่ ค่านิยมใหม่ ความสะดวกง่ายรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม “ร้านตัดผมริมทาง” ก็เป็นหนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างไม่อาจทัดทานได้
แต่ก่อนร้านตัดผมริมทางเป็นที่นิยมมาก มากแค่ไหน Viettalk ไม่อาจยืนยันได้ แต่มากกว่าในปัจจุบันแน่นอน ช่างตัดผมที่ประกอบอาชีพนี้ก็มีมากกว่าปัจจุบัน ลูกค้าที่เลือกตัดร้านตัดผมริมทางก็มีมากกว่าเดี๋ยวนี้เช่นกัน เพราะความสะดวกแบบขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดแล้วก็มานั่งรอตัดได้เลย หรือความสบายที่ร้านตัดผมทั่วไปให้ไม่ได้ ตัดผมร้านริมทางเหมือนได้ชื่นชมธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ และชื่นชมเมืองไปพร้อมกับการตัดผม อากาศที่ถ่ายเทสะดวกทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยค่านิยมความงามที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น เกิดร้านทำผมสำหรับผู้ชายที่สามารถตอบสนองความต้องการเกี่ยวกับทรงผมสมัยนิยมของผู้ชายได้ดีกว่าร้านตัดผมริมทางที่อาจทำได้แค่ทรงผมพื้นฐานเพราะเครื่องมือก็มินิมอลเหมือนกับร้าน ทำให้ลูกค้าของร้านตัดผมริมทางเริ่มลดน้อยลง
ไม่เพียงแต่ลูกค้าเท่านั้นที่ลดลง ช่างตัดผมก็ลดลงเช่นเดียวกัน คนรุ่นใหม่ ๆ ไม่สนใจอาชีพนี้เท่าไรนัก จะมีบ้างก็คนที่ครอบครัวทำอาชีพนี้ต่อกันมา อาจเพราะอาชีพนี้ไม่ได้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ เมื่อผู้คนมีโอกาสที่ดีขึ้น มีการศึกษามากขึ้นก็อยากจะทำอาชีพอื่นที่ได้รายได้มากกว่า รวมถึงการจัดระเบียบเมืองและการรณรงค์เรื่องทางเท้าในกรุงฮานอย ที่ไม่ให้มีการตั้งร้านใด ๆ บนทางเท้าก็น่าจะมีผลทำให้ร้านตัดผมริมทางลดน้อยลงไปด้วย
เมื่อลูกค้าไม่มากเหมือนแต่ก่อนช่างตัดผมหลายคนจึงต้องหาอาชีพเสริม เช่น การขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง การรับซ่อมสิ่งของต่าง ๆ เพื่อหารายได้เพิ่มให้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ เห็นแบบนี้ Viettalk อดชื่นชมในความไม่ยอมแพ้ สู้ชีวิต และความขยันขันแข็งของคนเวียดนามไม่ได้เลย
ถึงช่างตัดผมและลูกค้าของร้านตัดผมริมทางจะลดน้อยลงแต่ก็ยังมีคนที่ยึดมั่นที่จะทำอาชีพนี้ต่อไป Viettalk เชื่อว่าไม่ใช่เพราะเรื่องรายได้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะ “ใจ” ที่ผูกพันและรักในอาชีพนี้ด้วย
ร้านตัดผมริมทางเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีคุณค่าของชาวเวียดนาม เป็นอาชีพ เป็นศิลปะ เป็นสมบัติที่ส่งต่อให้ลูกหลาน เป็นชีวิตของคน และเป็นสิ่งเชื่อมต่อเวลาในอดีตกับปัจจุบัน ท่ามกลางเมืองที่แสนวุ่นวาย ไม่หยุดนิ่งวิถีชีวิตสุดจะรีบเร่งในโลกปัจจุบัน ทุกอย่างรวดเร็วฉับไวไปหมด ร้านตัดผมริมทางกลับเป็นเหมือนประตูมิติของเวลาที่พาเราทะลุกระจกกลับไปในวันที่ชีวิตช้ากว่านี้ พาเราไปนั่งเอื่อย ๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองท้องถนน และสนทนาหัวข้อในหนังสือพิมพ์กับช่างตัดผมร้านประจำก่อนจะกลับบ้านด้วยทรงผมใหม่ที่เหมาะสมและถูกใจ
References
คนอยากจะเขียน นักอ่านและนักเรียน(รู้) ตลอดชีวิต ผู้หลงใหลอะไรเวียด ๆ (เวียดนาม)